Monocalcium phosphate (MCP) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (0-46-0+แคลเซียม 16%) เกรดอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุ 1 กิโลกรัม (R)

Monocalcium phosphate (MCP) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (0-46-0+แคลเซียม 16%) เกรดอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุ 1 กิโลกรัม (R)
Monocalcium phosphate (MCP) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (0-46-0+แคลเซียม 16%) เกรดอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุ 1 กิโลกรัม (R)Monocalcium phosphate (MCP) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (0-46-0+แคลเซียม 16%) เกรดอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุ 1 กิโลกรัม (R)Monocalcium phosphate (MCP) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (0-46-0+แคลเซียม 16%) เกรดอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุ 1 กิโลกรัม (R)
รหัสสินค้า MCP-0-46-0
หมวดหมู่ [1KG] N,P,K แม่ปุ๋ย
ราคา 150.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 17 ต.ค. 2560
อัพเดทล่าสุด 27 พ.ย. 2567
จำนวน
ถุง
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

Monocalcium phosphate (MCP)/ Triple Superphosphate (NPK 0-46-0) บรรจุ 1 กิโลกรัม

 
หมายเหตุ สามารถใช้กับอาหารได้ (Food grade) บรรจุถุงใส หนัก 1 กก.
 
ประกอบด้วย
ฟอสฟอรัส P2O5 46%
แคลเซียม Ca 16%
 
หมายเหตุ ความสามารถในการละลายสูงสุดของสารตัวนี้อยู่ที่ 2 กก./ 100 ลิตร จึงไม่เหมาะที่จะทำสต็อคเข้มข้นเก็บไว้ใช้
 
อัตราการใช้ 0.5-1 กก./ 200 ลิตร
 
ใช้สำหรับ 
1. ละลายน้ำเพื่อเป็นธาตุอาหารสำหรับการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) บางสูตร
2. ละลายน้ำเพื่อฉีดพ่นพืชโดยตรง โดยพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารผ่านทางใบและสามารถนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 
 
 
ธาตุฟอสฟอรัส 
หน้าที่และความสำคัญต่อต้นพืช 
1. ช่วยให้ราดดึงดูดโปแตสเซียมเข้ามาใช้เป็นประโยช์ได้มากขึ้น 
2. ช่วยแก้ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากพืชได้รับไนโตรเจนมากเกินไป 
3. ส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากฝอยและรากแขนงในระยะแรกของการเจริญเติบโต 
4. ช่วยเร่งให้พืชแก่เร็ว ช่วนในการออกดอก และสร้างเมล็ดของพืช 
5. เพิ่มความต้านทานต่อโรคบางชนิด ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดี 
6. ทำให้ลำต้นของพืชจำพวกข้างแข็งขึ้นไม่ล้มง่าย 
 
อาการของพืชที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส 
1. พืชจะชะงักการเจริญเติบโต ต้นแคระแกรน พืชบางชนิดอาจจะมีลำต้นบิดเป็นเกลียว เนื้อไม้จะแข็ง แต่เปราะและหักง่าย 
2. รากจะเจริญเติบโตและแพร่กระจายลงในดินช้างกว่าที่ควร ดอกและผลที่ออกมาไม่สมบูรณ์ หรือบางครั้งอาจหลุดร่วงไป หรืออาจมีขนาดเล็ก หรือค่อนข้างจะสุกหรือแก่ช้ากว่าปกติ 
3. พืชจำพวกลำต้นอวบน้ำหรือลำต้นอ่อน ๆ จะล้มง่าย 
4. ใบแก่จะเปลี่ยนสีหรือพืชบางชนิดใบจะเป็นสีม่วง ใบมีลักษณะสีม่วงแดงบนแผ่นใบ เส้นใบ และลำต้นจะเห็นเด่นชัด ทางด้านใต้ใบสำหรับฝั่งใบจะมีสีทึบเข้ม อาการจะเกิดขึ้นกับใบล่าง ๆ ของต้นขึ้นไปหายอด
 

ธาตุแคลเซียม เป็นธาตุที่ต้นพืชนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโตในตัวพืช ช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนจากดินมาใช้เห้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอกและระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผลและเมล็ดต่อไป อาการของพืชที่ขาดแคลเซียมจะพบมากในบริเวณยอด และปลายราก ยอดอ่อนจะแห้งตายหรือมีจุดประขาวอยู่บนใบส่วนยอด ดูคล้ายอาการยอดด่าง และใบจะมีการการม้วนงอไปข้างหน้าและขาดเป็นริ้ว ๆ ซึ่งจะเกิดที่ใบอ่อนก่อน ถ้าเป็นที่ลำต้น จะแสดงอาการต้นอ่อน โตช้า ที่ผลและรากมะเขือเทศเป็นก้นจุด ส่วนถ้าเป็นที่ขึ้นฉ่าย เป็นโรคไส้ดำ

หน้าที่สำคัญของธาตุแคลเซียมในพืช มีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับโครงสร้างของผลไม้ ช่วยเสริมสร้างเซลล์และการแบ่งเซลล์ของพืช ซึ่งพืชต้องการอย่างต่อเนื่อง ช่วยในการสร้างเซลล์และโครงสร้างของเซลล์ของพืช ช่วยให้เซลล์ติดต่อกัน และจะช่วยเชื่อมผนังเซลล์ให้เป็นรูปร่าง และขนาดให้เป็นไปตามลักษณะของพืชแต่ละชนิด ช่วยเพิ่มการติดผล ช่วยให้สีเนื้อและสีผิวของผลสดใส ช่วยลดการเกิดเนื้อของผลแข็งกระด้าง และเนื้อแฉะ ช่วยป้องกัน ผลร่วง ผลแตก มีบาทบาทที่สำคัญในระยะการเจริญเติบโตและการออกดอกของพืช มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการย่อยธาตุไนโตรเจน เป็นตัวช่วยลดการหายในของพืช เป็นตัวช่วยเคลื่อนย้ายน้ำตาลจากใบไปสู่ผล การแสดงอาการของพืชที่ขาดธาตุแคลเซียม ใบอ่อนที่แตกออกมาใหม่จะหดสั้นและเหี่ยว แม้ว่าใบเก่าจะมีธาตุแคลเซียมอยู่ เนื่องจากธาตุแคลเซียมไม่เคลื่อนย้ายจากใบเก่าสู่ใบใหม่ ใบอ่อนที่ขาดธาตุแคลเซียมจะมีสีเขียวแต่ปลายใบจะเหลือง และเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและจะตายในที่สุด ถ้าขาดธาตุแคลเซียมที่บริเวณขั้วหรือข้อต่อของผลจะทำให้เกิดแก๊สเอธีลีน(Ethylene) เป็นเหตุให้ผลร่วง พืชหลายชนิดที่ขาดธาตุแคลเซียม เช่น มะเขือเทศ แตงโม พริก แตงกวา จะเกิดการเน่าที่ส่วนล่างผล, ในผักขึ้นฉ่ายจะแสดงอาการไส้ดำ, ในแครอดจะแสดงอาการฟ่ามที่หัว, ในแอปเปิลจะมีรสขม, ในมันฝรั่งจะแสดงอาการเป็นสีน้ำตาลบริเวณกลางหัว, ในพืชลงหัวต่าง ๆ เช่น ผักกาดหัว(หัวไชเท้า) หอม กระเทียม จะแสดงอาการไม่ลงหัว หรือลงหัวแต่หัวจะไม่สมบูรณ์ ในพืชไร่ ต้นจะแตกเป็นพุ่มแคระเหมือนพัด แสดงอาการที่ราก คือ รากจะสั้น โตหนามีสีน้ำตาล ดูดอาหารไม่ปกติ ในระยะพืชออกดอก ติดผล ถ้าพืชขาดธาตุแคลเซียม ตาดอกและกลีบดอกจะไม่พัฒนา ดอกและผลจะร่วง สภาพแวดล้อมที่พืชขาดธาตุแคลเซียม ในดินที่มีค่าของความเป็นกรดเป็นด่าง(pH) ระหว่าง 4.0-7.0 และ 8.5 ขึ้นไป เมื่อให้ธาตุไนโตรเจนมาก เมื่อให้ธาตุโพแทสเซียมมาก เมื่อพืชแตกใบอ่อน แม้ว่าใบแก่จะมีธาตุแคลเซียม ทั้งนี้เนื่องจากธาตุแคลเซียมไม่เคลื่อนย้ายในพืช เมื่อพืชแตกใบอ่อนต้องให้ธาตุแคลเซียมอยู่เสมอ ธาตุแคลเซียมจะมีความสมดุลกับธาตุโบรอนและธาตุแมกนีเซียมในพืช ถ้าไม่มีความสมดุลระหว่างธาตุทั้ง 3 ชนิด พืชจะแสดงอาการผิดปกติ ธาตุแคลเซียมจะสูญเสียไปในดิน กลายเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งพืชไม่สามารถดูดไปใช้ได้ ในดินที่เป็นกรด จะตรึงธาตุแคลเซียมไว้ ทำให้พืชไม่สามารถดูดไปใช้ได้

OUR PRODUCTS

MEMBER

STATISTIC

หน้าที่เข้าชม1,449,429 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด562,258 ครั้ง
เปิดร้าน30 มิ.ย. 2558
ร้านค้าอัพเดท8 ก.ย. 2568

CONTACT

0866586628
พูดคุย-สอบถาม